มีเงินอยู่หนึ่งก้อน เอาไปลงทุนอะไรดี❓
เป็นคำถามที่ผมถูกถามบ่อยมาก (และตอบยากมากด้วย) ทุกครั้งที่ถูกถามผมเองก็มักไม่ตอบกลับตรงๆ ว่าควรลงทุนอะไร เพราะดูจากคำถามแล้ว คิดว่าเจ้าของคำถามคงยังไม่ได้ศึกษาเรื่อง “วิธีลงทุน” และ “เครื่องมือลงทุน” สักเท่าไรนัก ก็เลยไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปลงทุนอะไรดี
.
นอกจากไม่ตอบกลับแล้ว ผมมักจะถามกลับไปด้วยว่า (1) ตั้งใจจะลงทุนเพื่ออะไร และ (2) มีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินเก็บไว้บ้างแล้วหรือยัง
.
สำหรับเรื่อง (1) วัตถุประสงค์ของการลงทุน หรือลงทุนไปเพื่ออะไรนั้น ในเบื้องต้นคนเราควรจัดสรรเงินลงทุน ใน 3 วัตถุประสงค์ หรือแบ่งเป็น 3 ตะกร้าเงิน ได้แก่
.
1. ตะกร้าเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน ไว้สำหรับรับมือกับเหตุไม่คาดฝัน ที่ส่งผลกระทบทางลบกับเรื่องเงินของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีรายได้ลดหรือสูญหายไป รวมไปถึง การเจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุจำเป็นอื่นๆ ที่ต้องใช้เงินกระทันหัน โดยเงินสำรองนี้ควรมีปริมาณเท่ากับค่าใช้จ่าย 6-12 เดือน (แล้วแต่ความกังวลของแต่ละบุคคล)
.
2. ตะกร้าเกษียณรวย สำหรับสะสมเงินทีละเล็กละน้อยเอาไว้ในยามเกษียณจากการทำงาน เน้นทยอยสะสมในเครื่องมือใกล้ตัวอย่างเช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุน กบข. กองทุนรวมที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี (SSF/RMF) ประกันชีวิต ประกันบำนาญ เงินฝากและหุ้นสหกรณ์ หุ้น ฯลฯ เพื่อให้เพียงพอเลี้ยงชีวิตหลังเกษียณในรูปแบบที่ต้องการได้
.
3. ตะกร้าเกษียณเร็ว เน้นนำเงินไปลงทุนในทรัพย์สินที่จะสามารถสร้างกระแสเงินสด (Passive Income) และสร้างอิสรภาพการเงินอย่างรวดเร็ว
.
นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีการออมและลงทุนเพื่อเป้าหมายอื่นๆ อาทิ เก็บเงินซื้อบ้าน เก็บเงินท่องเที่ยว เก็บเงินเพื่อการศึกษาลูก และอื่นๆ ซึ่งแต่ละเป้าหมายมีระยะเวลาที่ต่างกัน และใช้เครื่องมือที่เหมาะสมแตกต่างกัน
.
*นั่นจึงเป็นเรื่องยากมากที่ให้คำแนะนำว่า “ลงทุนอะไรดี” โดยที่ไม่รู้วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของผู้ถามเลย (นี่ยังไม่นับเรื่องความรู้จักเครื่องมือ และความสามารถในการรับความเสี่ยงอีกนะ)
.
แล้วคำถามที่ (2) ทำไมเราต้องสนใจเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินด้วย มันสำคัญแค่ไหนกันเชียว??
.
โดยส่วนตัวผมถือว่ามันสำคัญมาก และยกให้เป็น “เป้าหมายแรก” ของการออม สำหรับทุกคนเลยทีเดียว ลองนึกภาพว่า ถ้าเรานำเงินที่มีทั้งหมดไปลงทุน แล้วมีเหตุจำเป็นต้องใช้เงินขึ้นมา เราจะทำยังไง
.
ยกตัวอย่าง หากนำเงินไปลงทุนหุ้น แล้วมีความจำเป็นต้องใช้เงิน หากหุ้นกำลังขึ้น ก็น่าเสียดาย เพราะหากต้องขายออกมาจัดการเรื่องฉุกเฉิน ก็ถือว่าเสียโอกาส ในทางตรงกันข้าม หากหุ้นกำลังตก เราก็คงลำบากใจที่จะขายหุ้นแล้วขาดทุนใช่มั้ยครับ
.
ฉะนั้น ก่อนที่จะถามว่า “ควรนำเงินไปลงทุนอะไรดี” สิ่งที่เราควรตอบตัวเองให้ได้ชัดเจนก่อนก็คือ (1) รู้หรือยังว่าเราลงทุนไปทำไม และ (2) เราแยกเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินออกจากเงินลงทุน และพร้อมรับมือกับเหตุไม่คาดฝันระหว่างทางแล้วหรือยัง
.
ถ้ายังผมแนะนำว่าควรจะเริ่มเก็บเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินตั้งแต่วันนี้เลยครับ จะทำคู่ขนานไปกับการลงทุน หรือเก็บให้ครบ 6-12 เดือน แล้วค่อยลงทุน แบบไหนก็ได้ครับ ไม่ผิดกติกา
#TheMoneyCoachTH